วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กระปุกครีม Korean style set



กระปุกครีม เซตใหม่จ้า มีจำหน่ายที่ร้านเพียวคริสตัล

เซตนี้ประกอบด้วย
กระปุกครีม รหัส ก.68 ขนาด5g และ
ขวด รหัส ป.20 ขนาด 20ml

ราคาเริ่มต้นที่ 12 บาท

จัดจำหน่ายโดย
purecrystalsproducts
tel 026374118
email purecrystals03@Hotmail.com
www.purecrystalsproducts.com
... หรือติดตามอัพเดทได้ทางหน้าfacebook นะจ้ะ^__^

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กระปุกครีม ! และวิธีเลือกซื้อให้เหมาะกับชนิดของครีม

 กระปุกครีม ! และวิธีเลือกซื้อให้เหมาะกับชนิดของครีม

กระปุกครีม ต่างๆมีมากมายหลายชนิด มีทั้ง กระปุกอะคริลิค ขวดแก้ว ขวดอโรม่า หลอดมุก ขวดpet ดังนั้น เราจึงควรเลือกกระปุกครีม ให้เหมาะสมกับ ชนิดของครีมที่จะนำไปบรรจุกันนะ! ไม่เช่นนั้นอาจจะกดครีมไม่ขึ้นหรือ ขวดสีลอกได้นะครับ^__^

 กระปุกครีม
กระปุกครีม

1.กระปุกครีมที่เป็น อะคริลิค และ PE สามารถใส่ครีมได้ทุกชนิด ไม่ส่งผลและไม่มีปฏิกริยาต่อตัวเนื้อครีม
2.ขวดสูญญากาศ ใช้สำหรับใส่ครีบที่ไม่ข้นมาก ถ้าข้นมากจะเกิดอาการ กดไม่ออก
 เพราะเนื้อครีมไปอุดตรงหัวปั๊ม
3.ขวดปั๊ม มีลัษณะคล้ายๆกับขวดสูญญากาศแต่ต่างตรงที่ มีหลอดที่ใช้ปั๊มให้เห็น เหมาะสำหรับ
 เซรั่ม และ ครีมเนื้อเหลว
4.ขวดอโรม่า เหมาะสำหรับใช้กับ เซรั่ม ครีมต่างๆ และเครื่องหอม
5.ขวดแก้ว ใช้สำหรับใส่ครีมทุกชนิด และโทนเนอร์ โทนเนอร์ควรใส่ขวดแก้ว เพราะว่า
 ขวดชนิดอื่นจะเกิดปฏิกริยากับตัวแอลกอฮอล์ที่ีอยู่ในโทนเนอร์
6.ขวดpet เหมาะสำหรับใส่โลชั่น และของเหลว
7.หลอดมุกเหมาะสำหรับใส่ครีม ที่ไม่เหลวมาก

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แนะนำ กระปุกอะคริลิค

กระปุกอะคริลิค เป็นที่นิยมมากในการใช้ใส่ครีม เนื่องจาก มีลักษณะสวยกว่า กระปุกแก้ว หรือกระปุกที่ผลิตจากวัสดุอื่นๆ และมีออฟชั่นในการตกแต่งเช่น อะคริลิค+อลูมิเนียมมาช่วยในการตกแต่งฝา ทำให้ดูสวยงาม วันนี้จึงมีคำแนะนำเกี่ยวกับกระปุกอะคริลิค มานำเสนอ

คุณสมบัติ
กระปุกครีมมีความเหนียว และโปร่งใส และมีความทนทานไม่แตกง่าย
แต่ว่าอะคริลิคมีเนื้ออ่อนจึงสามารถเกิดรอยขูดขีดได้ง่าย และไม่ทนทานแต่ตัวทำละลายหลายชนิด








 ดังนั้น การเลือก กระปุกครีม ที่ทำจาก อะคริลิค จึงควรระมัดระวังในเรื่องต่อไปนี้
  1. การขูดขีดสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย เพราะฉะนั้นจึงควรเก็บรักษาอย่างดี
  2. ในการทำความสะอาด กระปุกครีมก่อนบรรจุ จึงควรใช้น้ำเปล่า
  3. หากทำความสะอาดโดยใช้แอลกอฮอล์ควรทำความสะอาดเฉพาะถ้วยใน ไม่ควรถูกตัวกระปุก
  4. ไม่ควรนำไปใส่ครีมที่มีแอลกอฮล์หรือตัวทำละลาย
เพียงเท่านี้ เราก็สามารถป้องกันการชำรุดของกระปุกอะคริลิคที่เกิดจากการใช้งานเบื้องต้นได้แล้ว




สนับสนุนโดย เพียวคริสตัลโปรดักส์
จำหน่ายบรรจุภัณฑ์ กระปุกครีม กระปุกอะคริลิค ขวดแก้ว ขวดสููญญากาศ ขวดpet ขวดอโรม่า และ หลอดมุก

ติดต่อได้ที่ www.purecrystalsproducts.com
purecrystals03@hotmail.com
www.facebook.com/purecrystalsproducts
tel.02-637-4118-9

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แนะนำวิธีการเลือกใช้กระปุกครีม





กระปุกครีม ต่างๆมีมากมายหลากหลายชนิด ดังนั้นเราจึงควรเลือกให้เหมาะสมกับชนิดของครีมที่เราจะนำไปใส่กันนะครับ
โดย แบ่งได้ตามนี้นะครับ กระปุกครีม ขวดสูญญากาศ ขวดpet ขวดปั๊ม หลอดมุก ขวดแก้ว และขวดอโรม่า
1. กระปุกครีม เหมาะสำหรับใส่ครีมทุกชนิด โดยมีภาชนะที่ทำจาก กระปุกอะคลิลิค และ PE ซึ่งไม่ทำปฏิกริยากับตัวครีม
2. ขวดสูญญากาศ เหมาะสำหรับใส่ครีมไม่ข้นมากนักเนื่องจาก ถ้าครีมข้มมาก ครีมจะไปติดอยู่ตรงตัวปั๊ม
3. ขวดปั๊ม เหมาะสำหรับเซรั่ม และ เหลว
4. ขวดอโรม่า เหมาะสำหรับใส่ เซรั่มและ ครีมชนิดเหลว และ เครื่องหอมต่างๆ
5. ขวดแก้ว สามารถใช้ใส่ โทนเนอร์ได้ เนื่องจากโทนเนอร์จะทำปฏิกริยากับขวดชนิดอื่น
6. ขวดpet เหมาะสำหรับใส่โลชั่น และของเหลว
7. หลอดมุก ใช้สำหรับใส่ครีม

ติดต่อซื้อบรรจุภัณฑ์
http://www.facebook.com/purecrystalsproducts
http://www.purecrystalsproducts.com
purecrystals03@hotmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555



ครีมกันแดด ทำไมจึงกันแดดไม่ได้ผล? (มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค)

         ครีมกันแดดที่ดีควรจะต้องประกอบไปด้วยสารกรองรังสียูวีเอ และสารกรองรังสียูวีบี เพราะในบรรยากาศจะประกอบไปด้วยรังสีทั้งสองชนิดจากดวงอาทิตย์ ที่ตกกระทบถึงพื้นโลก รังสียูวีเอ จะมีความรุนแรงต่อผิวหนัง และสามารถผ่านทะลุเข้าสู่ผิวหนังชั้นที่อยู่ลึกลงไปได้ ทำให้ผิวหนังปรากฏเป็นริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกา ทำให้ผิวหนังเสื่อมและแก่เร็วกว่าวัย 


          ส่วนรังสียูวีบีนั้น จะทำให้สีผิวดำคล้ำไหม้ และอักเสบจากการตากแดดเป็นเวลานาน หรือที่เรียกกันว่า "แดดเผา" นั่นเอง รังสีทั้งสองชนิดสามารถทำให้เซลล์ผิวหนังตายโดยการทำลาย "ดีเอ็นเอ"ของเซลล์ผิว และอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ถ้าผิวหนังได้รับรังสีทั้งสองชนิดมากเกินไป

วิธีการเลือกซื้อครีมกันแดด

           1.ครีมกันแดด ที่มีขายส่วนใหญ่ในท้องตลาดมักจะมีองค์ประกอบหลักคือ สารกรองรังสียูวีบี เพื่อป้องกันสีผิวมิให้ดำคล้ำหรือแดดเผา แต่โดยความเป็นจริงแล้วการทาครีมกันแดด สามารถปกป้องไม่ให้ผิวหนังเกิดอาการอักเสบจากแดดเผาได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถป้องกันผิวหนังจากการเปลี่ยนสีได้ เนื่องจากเซลล์สร้างเม็ดสีคือ เมลานิน จะทำหน้าที่สร้างเม็ดสีให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการโต้ตอบรังสี และเป็นวิธีการปกป้องผิวหนังจากการถูกทำลายโดยรังสีดวงอาทิตย์

          หากเราทาครีมกันแดดที่มี สารกรองรังสียูวีบี เพียงชนิดเดียว จะเป็นการเปิดช่องให้รังสียูวีเอ ทะลุเข้าสู่ผิวหนังมากขึ้น ดังนั้นจึงควรพิจารณาเลือกซื้อชนิดที่มีสารกรองรังสีทั้งเอและบีเป็นองค์ประกอบ สารบางชนิดมีประสิทธิภาพทั้งกรองรังสียูวีเอและยูวีเอ เช่น ไทเทเนี่ยมไดออกไซด์ (Titanium dioxide micronized) ซิงค์ออกไซด์ (Zinc oxide micronized) ออกซีเบนโซน (Oxybenzone)

          สารกรองรังสียูวีเอ เช่น อโวเบนโซน (Avobenzone)

          สารกรองรังสียูวีบี เช่น ออกทิวไดเมททิว พาบา (Octyl dimethyl PABA) ออกทิว เมททอกซีซินนาเมท (Octyl methoxycinnamate) ฯลฯ

           2. ควรเลือกซื้อชนิดที่สามารถกันน้ำได้ หรือที่ระบุบนฉลากว่า "Water proof or water resistant" เนื่องจากประเทศไทยมีภูมิอากาศที่ร้อนชื้น เหงื่อออกง่าย เมื่อทาครีมกันแดดแล้ว อาจถูกเหงื่อชะออกไป ทำให้ประสิทธิภาพลดลงหรือไม่ได้ผลในการกันแดดตามระยะเวลาที่ต้องการ

           3. ควรเลือกซื้อค่ากันแดดหรือค่ "เอสพีเอฟ SPF" ตามความเหมาะสมของการใช้งาน เช่น หากต้องการทาผิวหน้าเพื่อทำงานในออฟฟิส ควรเลือกซื้อค่าที่ต่ำๆ เช่น SPF 2, 4 , 6 ,8 แต่ถ้าต้องทำงานนอกสถานที่ ต้องเดินตากแดด หรือต้องการไปทะเลหรือภูเขาที่ต้องได้รับแสงแดดจัด ควรเลือกซื้อค่าเอสพีเอฟที่สูงๆ เช่น SPF 30 หรือมากกว่า

วิธีการทาครีมกันแดดให้ได้ผล

          ปัญหาของครีมกันแดดที่ทาแล้วไม่ได้ผล ไม่สามารถป้องกันผิวตามระยะเวลาที่ระบุไว้บนฉลาก เช่น SPF 10 ควรจะสามารถปกป้องผิวหนังจากแดดเผาได้นานเป็นระยะเวลา 10 เท่า เมื่อเทียบกับผิวหนังที่โดนแดดโดยไม่ได้ทาครีมกันแดด ซึ่งโดยทั่วไป ผิวคนไทยถ้าไม่ได้ทาครีมกันแดดเลยและไปยืนตากแดด จะเริ่มเห็นผิวหนังมีสีแดงภายในระยะเวลาเพียง 10-15 นาที ดังนั้นหากทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 10 ควรจะป้องกันผิวหนังจากแดดได้นานถึง 100-150 นาที แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้ผลเช่นนั้น เพราะมีหลายปัจจัย ที่สำคัญคือ

           1. วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องและได้ผล ต้องทาครีมหนาเพื่อปกปิดผิวหนังทุกรูขุมขน ซึ่งเป็นวิธีการที่ผ่านการทดสอบในห้องทดลองจากนักวิทยาศาสตร์ แต่โดยทั่วไปผู้บริโภคมักจะนิยมทาเพียงเบาบาง ทำให้รังสีดวงอาทิตย์สามารถกระทบ และทะลุเข้าสู่ผิวหนังได้บางส่วน นักวิชาการจึงแนะนำว่าหากต้องการทาแล้วได้ผล ควรทาบ่อยๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง

           2. ภายหลังจากการทาครีมกันแดด สภาวะความเป็นจริงคือ ผู้บริโภคมักจะมีกิจกรรมต่างๆ เช่น ออกกำลังกายด้วยการตีกอล์ฟ ว่ายน้ำ วิ่ง เดิน หรืออื่นๆ ทำให้เหงื่อออกทางผิวหนังและแน่นอนครีมกันแดดจะถูกชะออกโดยง่าย ทำให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดลดลงหรือหมดไปในบางกรณี

           3. สารกรองรังสียูวีที่เป็นองค์ประกอบในครีมกันแดดหลายชนิดไม่คงตัว สลายตัวเมื่อโดนความร้อน ทำให้ครีมกันแดดเสื่อมประสิทธิภาพไป สินค้าบางตัวอาจเสื่อมไปตั้งแต่ยังไม่ทันได้ใช้ก็มี ในกรณีที่ผู้ขายเก็บไว้ในร้านค้าที่ร้อนหรือผู้บริโภคเองซื้อไปเก็บไว้ในที่ร้อน ทำให้สารกันแดดเสื่อมประสิทธิภาพก่อนเปิดใช้ ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ ซึ่งสินค้าจะถูกเก็บรักษาในสถานที่ปรับอากาศ และพิจารณาฉลากถึง วัน,เดือน,ปี,ที่ผลิต ว่าเก่าเก็บหรือไม่ เพราะนอกจากครีมกันแดดจะหมดประสิทธิภาพแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดพิษระคายเคืองต่อผิวหนังได้อีกด้วยก รณีที่ทาครีมกันแดดหมดอายุ 


กระปุกครีม
Credit kapook.com